คายัคทัวร์ริ่งเกาะเสม็ด
หลังจากร้างลากับการพายเรือคายัคทัวร์ริ่งไป 6 ปี ผมกลับมาอีกครั้งกับทริปเดินทางของผู้ชาย 2 คนที่มีหัวใจชอบในสิ่งเดียวกัน(ผู้ชายแท้ๆนะครับ)นั่นคือการพายเรือคายัคทัวร์ริ่ง
สำหรับคนที่มีภาระทางครอบครัวกว่าจะกำหนดวันเวลาการเดินทางได้ลงตัวก็เล่นเอาเกือบไม่ได้ไปกัน สุดท้ายเรามาลงตัวกันที่วันจันทร์ - อังคาร 23-24 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมานี่เอง เราประเดิมการพายเรือครั้งแรกกันที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง สำหรับผมการที่ไม่ได้พายเรือมานานถึง 6 ปีรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเตรียมตัวจัดสัมภาระ(ที่ไม่ค่อยมีอะไร)ล่วงหน้าตั้ง 2 วันเมื่อถึงวันเดินทางจริงตอนเช้าตรู่ก็รีบแจ้นไปที่บ้านพี่เจตคายัคเกอร์ตัวจริงเสียงจริงที่พายเรือเที่ยวคนเดียวมานานนับสิบปี(ไม่มีน้องๆคนไหนไปพายด้วยเพราะมันเหนื่อยแสนสาหัสเหลือเกิน)
ผลจากการออกเดินทางแต่เช้าตรู่ทำให้เรามาถึงบ้านเพกันเมื่อเวลา 09:30 น.เอาเรือลงจากรถแพ็คอุปกรณ์ยังชีพทั้งหลายตั้งแต่อาหาร น้ำดื่ม เต็นท์ฯลฯโดยแบ่งเฉลี่ยกันไป จากนั้นพี่เจตก็ขับรถไปฝากไว้ที่ท่าเรือนวลทิพย์ค่าฝาก 1 คืน 80 บาทสบายใจดีครับดีกว่าจอดรถริมทาง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพพวกเราสองคนก็เริ่มเดินทางโดยเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าอันเลือนลางนั่นคือเกาะเสม็ดระยะทางโดยประมาณ 10 กิโลเมตรตื่นเต้นครับแสงแดดแรงกล้าก็มิได้หวาดหวั่น ทันทีที่พาเรือออกจากฝั่งได้พายกระทบน้ำทบทวนความทรงจำสักพักท่าพายเรือในแบบทัวร์ริ่งก็กลับมาได้ออกลวดลายกันอีกครั้งอาจดูไม่คล่องแคล่วในช่วงแรกแต่ก็พาเรือคายัคเคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็วพอสมควร แดดกล้าและสายลมแรงที่พาน้ำทะเลมาเป็นระลอกคลื่นกระทบข้างเรือหางเสือเริ่มทำหน้าที่บังคับทิศทางไปยังจุดหมายที่ต้องการ พักเดียวเท่านั้นที่ต้องปรับตัวเมื่อทุกอย่างเข้าที่ผมก็เป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าคอนทัวร์เรือทัวร์ริ่งที่มีอายุอานามราว 10 ปีไปได้อย่างลื่นไหล การพายเรือที่ถูกต้องช่วยลดความเมื่อยล้าลงได้มากทำให้การพายเรือได้ระยะทางมากกว่าเดิม คายัคทัวร์ริ่งมันเป็นเรื่องที่เราต้องจัดการกับร่างกายและจิตใจของตัวเอง คุณลองนึกดูว่าเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ต้องใช้สองแขนพายให้เคลื่อนที่ถ้าหยุดพายกระแสน้ำและคลื่นลมก็จะพัดพาเราออกห่างจุดหมายไปเรื่อยๆจำเป็นที่จะต้องพายเรือตลอดเวลา ถ้าเราหยุดพายก็ไม่ถึงจุดหมายดังนั้นเมื่อออกจากฝั่งแล้วจึงมีแต่พาย กับพาย และพายเท่านั้นในเวลานี้ ทักษะที่ถูกต้องการใช้ร่างกายทั้งหมดในการพายเรือจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราเดินทางไปถึงจุดหมาย
เรือคายัคลำน้อยเมื่ออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่มีเรือโดยสารลำใหญ่ผ่านไปลำแล้วลำเล่าไม่พูดถึงเรือเร็วที่แล่นกันปรู๊ดปร๊าดโบกมือทักทายกันอย่างฉันมิตรคงมีคำถามในใจของใครบางคนว่าพายทำไมให้เมื่อย นั่งเรือเครื่องดีกว่า ผมใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง15 นาทีก็เข้ามาถึงท่าเรือหน้าด่านเป้าหมายคือผีเสื้อสมุทรที่ตั้งอยู่ปลายสะพานเสียงตะโกนของพี่เจตบอกว่า"ช่วยถ่ายรูปพี่กับแม่ผีเสื้อสมุทรให้หน่อย"เอาครับจัดไปตามขอ
จากนั้นเราเริ่มเดินทางกันต่อเพื่อไปอ่าวลูกโยนซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น คายัค 2 ลำแล่นเข้าชายหาด วิธีการเข้าฝั่งในกรณีที่มีคลื่นลูกใหญ่เราควรตั้งหัวเรือให้ตรงยกหางเสือขึ้นพร้อมกับเซิร์ฟเข้าสู่ฝั่งด้วยความรวดเร็วเป็นไปโดยอัตโนมัติเราจะต้องจัดท่าดีงสเกิร์ตพร้อมกับรีบลงน้ำเพื่อลากเรือเข้าฝั่งเพราะไม่อย่างนั้นเรืออาจคว่ำขวางกระแสคลื่นซัดเอาบาดเจ็บได้นี่เป็นกฏปฏิบัติของการทัวร์ริ่งที่ต้องฝึกฝนให้ช่ำชอง
อ่าวลูกโยนจะเป็นสถานที่แรมคืนของพวกเราแต่ตอนนี้ขอดื่มกาแฟสดพร้อมแซนวิทฝีมือพี่เจตก่อนดีกว่า ความสุขอีกอย่างของการพายเรือทัวร์ริ่งคือช่วงเวลาดีๆแบบนี้เมื่อถึงที่พักได้แค้มปิ้ง ก่อไฟ(ถ้าทำได้) จุดเตาต้มกาแฟนั่งละเลียดดื่มด่ำไปกับความหอมกรุ่นแค่นี้ก็ฟินแล้วครับ
เราขออนุญาติเจ้าหน้าที่พร้อมกับเสียค่าน้ำอาบคนละ 50 บาท ถึงที่พักเร็วกางเต็นท์ตั้งแค้มป์มีเวลาเหลือเฟือพักผ่อนให้สมกับการห่างหายอารมณ์แบบนี้มานานถึง 6 ปี นั่งนิ่งๆ ให้สายลมอาบกาย เล่นน้ำใช้ชีวิตเหมือนคนติดเกาะโลกเป็นของเราจริงๆ ยามเย็นแสงตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้าธรรมชาติลาจากอย่างสวยงาม
ค่ำแล้วแสงจันทร์กระจ่างฟ้า ปรากฏการณ์เมฆขนแกะที่ผมไม่เคยเจอในยามค่ำคืน(ส่วนใหญ่จะเจอในช่วงเช้าหรือเย็น)อดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องวางลงบนกล่องกันนั้ำที่ใช้แทนขาตั้งกล้องบันทึกภาพบรรยากาศที่ไม่เคยเห็น
เช้าแล้วผมรีบออกจากเต็นท์เพราะภาพเบื้องหน้ากำลังสวยสดงดงามเป็นการรับวันใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
วันนี้เป็นวันที่เราจะพายเรือมากที่สุดจัดการกับโจ๊กเบาๆเก็บข้าวของแล้วรีบเดินทางเพื่อไปกินข้าวที่เจี๊ยบบังกาโลซึงอยู่หาดทรายแก้วระยะทางพายเรือราว 1 กิโลเมตรเท่านั้น(แหมนึกว่าจะยิงยาว)"กองทัพเดินด้วยท้องครับพี่ โจ๊กแค่นี้เดี๋ยวหมดแรงกลางทาง"ผมตอบพี่เจตไปซึ่งแกก็เห็นดีด้วย
เติมพลังกันเสร็จแล้วคราวนี้ยิงยาวเลยครับไม่แวะขึ้นหาดไหนอากาศสดใส ท้องฟ้าเป็นใจคลื่นลมไม่มีพายเรือกันเพลินๆ(ต่างคนต่างเพลิน)จากหาดทรายแก้วผ่านอ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อ อ่าววงเดือน อ่าวลุงหวัง อ่าวหวาย อ่าวกิ่วหน้านอก อ่าวปะการัง เย้ๆถึงปลายเกาะเสม็ดแล้วโว้ย เห็นสาวฝรั่งยืนกันอยู่ปลายเกาะกันสองคนไม่รู้จะมายิงเรือเราหรือเปล่า 555 ฝันใกล้เป็นจริงแล้วทันทีที่อ้อมเกาะทะเลไร้คลื่นลมแทบจะเรียบสนิท นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเจอ ทะเลเรียบไร้คลื่นเหมือนพายเรือในอ่างมันไม่สนุกเร้าใจ สำหรับผมถ้ามีลูกคลื่นสูงราว 50 เซนติเมตรขึ้นไปจนถึง 1 เมตรจะดีมากเพราะเราจะใช้คลื่นช่วยในการพายเรือ เรือทัวร์ริ่งที่ดีที่สามารถฟันคลื่นได้ดีจะช่วยให้เราพายเรือได้สนุกการเลือกจังหวะให้เรือไต่ล้อลูกคลื่น ให้คลื่นส่งท้ายเรือทำให้เราไม่เหนื่อยเพียงแค่เลี้ยงเรือรักษาความเร็วให้อยู่บนยอดคลื่นแค่นี้ก็ไม่ต้องเหนื่อยมากแล้วแต่นี่ผมต้องออกแรงพายไม่หยุดเหนื่อยครับงานนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลาหยุดพักแขนก็เซลฟี่กันซะหน่อย
อีกอึดใจใหญ่ๆผมก็พายเรือมาถึงอ่าวพร้าวหันหัวเรือเข้าหาดวันนี้อ่าวพร้าวนับว่าเป็นอ่าวที่สวยงามหรูหรามีสไตล์มากที่สุดของเสม็ดที่นี่มีรีสอร์ตคุณภาพเรียงรายเต็มแน่นไปหมดนับเป็นหาดสุดท้ายก่อนที่เราจะพายเรือกลับเข้าฝั่ง
เราพักที่อ่าวพร้าวนานสักหน่อยดื่มน้ำดับกระหาย แช่น้ำทะเลคลายร้อนนั่งมองฝรั่ง(แก่ๆ)เล่นน้ำ(ฝรั่งสาวๆอยู่อีกฟากของเกาะ)เพราะนับจากนี้จะเป็นช่วงที่พายไกลที่สุดเราจะตีม้วนเดียวจบไม่พักที่ไหนอีกไม่มีตัวช่วยใดๆเราเริ่มพายเรือกันอีกครั้งทุก 2-3 วินาทีต่อการจ้วงพายหนึ่งครั้งเป็นจังหวะต่อเนื่องแทบจะไม่หยุดเราใช้เวลาจากอ่าวพร้าวเข้าสู่ฝั่งบ้านเพราว 1ชั่วโมง 40 นาทีเป็นการจบเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในคราวต่อไปผมกับพี่เจตคุยกันไว้ว่าทริปต่อไปทะเลตราดสัก4-5 วันดีกว่า
แล้วพบกันอีกครั้งนะครับ